ธนาคารได้รับการอนุมัติจากชนาคารแห่งประเทศไทยให้มีสัดส่วนของผู้ถือหุ้น ต่างชาติได้มากกว่า 49% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทั้งนี้หลังจากการทำ VTO เสร็จสิ้นแล้ว ธนาคารมีแผนการควบรวมโดยซื้อกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของ BTMU สาขากรุงเทพฯและธนาคารจะชำระค่าตอบแทนการซื้อกิจการดังกล่าว
โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารจำนวน 1,143,221,782 หุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ BIMU ในราคาหุ้นละ 39 บาท คิดเป็นมูลค่าราว
44 หมื่นล้านบาท
การดำเนินการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานด้านการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ผู้ถือหุ้นของธนาคารและผลสำเร็จของเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งนี้จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะออกและราคาหุ้นของธนาคารอาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดว่าด้วยการปรับราคาโดยจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกให้ BTMU จะมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 1,500,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าราว 5.8 หมื่นล้านบาท
ภายใต้สัญญาซื้อขายกิจการสินทรัพย์และหนี้สินของ BTMU สาขากรุงเทพฯแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 60,741,437,470 บาท เป็น 75,741,437,470 บาท ทั้งนี้ ธนาคาร BTMU สาขากรุงเทพฯ
มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสาขาของธนาคารต่างประเทศที่ดำเนิน ธุรกิจในไทยโดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 5.83แสนล้านบาทและให้บริการกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลักมานานกว่า 50 ปี สำหรับแผนการควบรวมกิจการดังกล่าวจะเริ่มต้นประมาณต้นปี 2557ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำ VTO และจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารสามารถให้บริการทางการเงินที่มีความหลากหลายและครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของ
ลิขสิทธิ์ © 2025 MUFG Bank, Ltd สงวนลิขสิทธิ์